Katanyudemy

katanyudemy

จีนคือมหาอำนาจใหม่ของโลกไอที ที่จะมาแทน Silicon Valley

#KTDChina


🌐จีนเป็นโลกคู่ขนานของซิลิคอนวัลเลย์ และในอนาคตน่าจะแซงหน้าได้ แต่ปัจจุบันต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรม venture capital (VC) ของจีนยังมีอายุเพียง 15 ปี ยังไม่แกร่งกล้าเท่ากับในโลกตะวันตก ช่องว่างทางนวัตกรรมนี้สามารถใช้เงินเพื่ออุดได้ และโชคดีว่าจีนมีเงินลงทุนมหาศาลจากบรรดา VC เข้ามาสนับสนุน

🌐อุตสาหกรรมไอทีจีน โชคดีที่ได้คนจีนที่ย้ายกลับมาจากสหรัฐในช่วงฟองสบู่ดอทคอมบูมปี 2001 ซึ่งตัวเธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้น บวกกับการผ่อนคลายการกำกับดูแลของรัฐบาลจีนในหลายๆ เรื่อง เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจจีนได้ลองผิดลองถูกกันมาก ตัวอย่างคือ ทางการจีนเพิ่งเริ่มกำกับดูแลฟินเทคเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งบริษัทอย่าง Alipay กวาดฐานผู้ใช้ไปยากแล้ว

🌐ส่วนประเด็นว่าธุรกิจจีนจะออกไปนอกจีนได้มากน้อยแค่ไหน เธอมองว่าบริษัทฝรั่งจากโลกตะวันตกเข้ามาบุกจีนยาก เพราะมีความแตกต่างทางวัฒนธรรมสูง ซึ่งบริษัทจีนที่จะออกต่างประเทศก็ต้องเจอปัญหาเดียวกัน แต่ถ้าพยายามก็จะพอปิดช่องโหว่ได้ เช่น มีซีอีโอของบริษัทจีนบางราย ย้ายไปอยู่ที่อินโดนีเซียอยู่ช่วงหนึ่งเพื่อให้เข้าใจตลาดท้องถิ่น หรืออย่างกรณี Alibaba ซื้อ Lazada ส่วนหนึ่งก็เป็นการใช้เงินลงทุนเพื่อให้เข้าใจตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

🌐ในทางกลับกัน สำหรับบริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะไปลงทุนในจีน เธอบอกว่าจะต้องเจอกับกำแพงภาษา วัฒนธรรม กฎหมาย และประเด็นเรื่องละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา สิ่งสำคัญคือต้องมีพาร์ทเนอร์เป็นคนท้องถิ่นที่เข้าใจตลาดจีน ถ้าเลือกพาร์ทเนอร์ได้เหมาะสมก็จะไปได้ไกล

🌐ในฐานะนักลงทุนในสตาร์ตอัพระดับเริ่มต้น (early investor) เธอบอกว่าความอดทนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะนักลงทุนต้องอยู่กับสตาร์ตอัพรายนั้นนานกว่า 5 ปีแน่นอน ซึ่งนานกว่าค่าเฉลี่ยของการแต่งงานในสหรัฐด้วยซ้ำ ดังนั้นต้องเลือกลงทุนในสิ่งที่เหมาะสมจริงๆ ไม่หวั่นไหวตามกระแสในแต่ละปี

การแข่งขันในจีนดุเดือดมาก ผู้อยู่รอดต้องแข็งแกร่งสุด ๆ

🌐Tencent ในฐานะบริษัทไอทีจีนยักษ์ใหญ่ 1 ใน 3 ราย (อีกสองรายคือ Alibaba และ Baidu) มองว่าการที่พื้นที่ใดๆ ในโลกจะประสบความสำเร็จในฐานะฮับทางเทคโนโลยีได้ ต้องมีปัจจัย 3 ข้อ ได้แก่ ความรู้ด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ซึ่งในซิลิคอนวัลเลย์มีมหาวิทยาลัยชื่อดังของโลกหลายแห่ง, การเข้าถึงแหล่งทุน (access to capital) และโอกาสทางธุรกิจหรือขนาดของตลาด (market opportunity) ซึ่งปัจจัยหลังสุดนี่ต้องถือว่าจีนมีเยอะกว่าโลกตะวันตกด้วยซ้ำ

🌐การแข่งขันในตลาดจีนมีสุงมาก อย่างปีที่แล้ว livestream กำลังฮิตในจีน ก็มีบริษัทแห่กันมาทำธุรกิจนี้เป็นร้อยบริษัท แน่นอนว่าเหลือรอดไม่กี่ราย แต่รายที่อยู่รอดได้จะต้องแข็งแกร่งมาก

🌐จุดเด่นอีกข้อของจีนคือมีบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสามราย บริษัทเหล่านี้จะเข้าไปลงทุน จับมือเป็นพันธมิตร หรือไล่ซื้อสตาร์ตอัพรายเล็กเพื่อสร้าง ecosystem ดังนั้นสตาร์ตอัพในจีนต้องเริ่มคิดตั้งแต่วันแรกว่าจะมีความสัมพันธ์กับยักษ์ใหญ่อย่างไร สตาร์ตอัพบางรายอาศัยอยู่บนแพลตฟอร์ม WeChat แต่ในอีกทางก็ต้องแข่งขันกับบริการย่อยบางตัวของ WeChat

🌐Grace ยังเล่าถึงวัฒนธรรมองค์กรของ Tencent ว่ากระตุ้นให้พนักงานปรับปรุงผลิตภัณฑ์ตลอดเวลา ในบริษัทมีสโลแกนว่า 10/100/1000 ซึ่งแปลว่าผู้จัดการผลิตภัณฑ์ใดๆ ต้องออกไปเซอร์เวย์ความคิดเห็น 10 ครั้ง อ่านบล็อกที่พูดถึงผลิตภัณฑ์ของเรา 100 บล็อก และรวบรวมความเห็นให้ได้ 1,000 ความเห็นอยู่เสมอ

🌐การเกิดขึ้นของ WeChat เองยังเกิดจากการแข่งขันภายในองค์กร เพราะ Tencent เคยมีแอพแชทชื่อ QQ อยู่แล้ว แต่เมื่อบริษัทมองเห็นอนาคตของโลก mobile ก็กระตุ้นให้พนักงานทีมอื่นๆ สร้าง WeChat ขึ้นมาแข่ง ซึ่งก็มีคนส่งเข้ามากันหลายทีม แต่สุดท้ายก็มีทีมที่ผลงานดีที่สุด ได้เป็นผู้สร้าง WeChat นั่นเอง

📌ที่มา : brandinside.asia

#KTDChina#AI#หุ่นยนต์#การศึกษา#การสอบ#การเรียนรู้#นักเรียน#นักศึกษา#เยาวชน#Education#การศึกษา#KTD#KTDTech#เทคโนโลยี#ไอที#นวัตกรรม#ข่าวสาร#ข่าวสารไอที#เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย#Katanyudemy#กตัญญูเดมี่#กตัญญู#พัฒนาการศึกษาไทย

📣 ไม่อยากพลาดข่าวสารและเรื่องราวน่ารู้ด้านการศึกษาดี ๆ จากทุกมุมโลก อย่าลืมติดตาม Katanyudemy กันนะคะ 🧐

☎️ ติดต่อลงข่าวและประชาสัมพันธ์สามารถ inbox เข้ามาที่เพจได้เลยค่ะ 🥰

🙏 สนับสนุนโดย cutepress ORIENTAL PRINCESS และกตัญญู

อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมคลิก